SEARCH | HOME | LOG IN | SIGN UP
แนะนำศูนย์ฯ คำปรึกษา การศึกษา การรักษาพยาบาล กิจกรรม สื่อต่างๆ พื้นที่
แนะนำทีมให้คำปรึกษา
ข่าวทั่วไป
ห้องเอกสาร
ปรึกษา ถาม – ตอบ
หมวดคำปรึกษตามประเภท
 Home > คำปรึกษา > ข่าวทั่วไป > การเรียกรับเงินที่ให้กู้คืน

    การเรียกรับเงินที่ให้กู้คืน
    Admin     2010/01/21 3:21 pm
ระวังเรื่องการขอยืมและให้ยืมเงิน #2. การเรียกรับเงินที่ให้กู้คืน
ขั้นตอนทางกฏหมาย
ถ้าสัญญากู้ยืมเงินต่างๆ ลูกหนี้หรือผู้กู้นำเงินมาชำระคืนตามกำหนด ก็จะไม่มีปัญหาใดๆ แต่ก็มีหลายกรณีที่ไม่เป็นไปเช่นนั้น ซึ่งก็ต้องอาศัยกฏหมายช่วยเพื่อให้ได้รับเงินที่ให้ยืมไป คืนมา
1.ลำดับแรกให้ตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ของคู่กรณีให้ถูกต้อง จากนั้น ให้ส่งเอกสารที่รับรองแล้วทางไปรษณีย์
(내용증명เพื่อเรียกรับเงินที่ถูกยืมไปคืน
2.หากว่ายังไม่ได้รับเงินคืนอีก ให้ยื่นเรื่องที่ศาล ถ้าหากว่าเงินที่ถูกยืมไป มีมูลค่าไม่เกิน 20 ล้านวอน
ให้ยื่นเรื่องเป็นคดีแพ่งสำหรับคดีที่จำนวนเงินน้อยๆ (소액심판제도)  ซึ่งก็จะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
3.ในระหว่างที่ยื่นเรื่องต่อศาลนั้น ให้ทำเรื่องอายัดทรัพย์สินของคู่กรณีไว้ชั่วคราว เพื่อป้องกันการโยกย้าย ถ่ายเททรัพย์สิน  หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ การป้องกันการปกปิดทรัพย์สิน ของคู่กรณีนั่นเอง  ซึ่งหลังจากศาลได้มีคำตัดสินออกมาแล้ว คู่กรณีก็จะสามารถดำเนินการ กับทรัพย์สินของตนได้
4.  ทรัพย์สินต่างๆ ที่สามารถทำเรื่องระงับได้ เช่น อสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ( ที่ดิน สิ่งก่อสร้าง อาคาร) สัญญารับประการให้เช่า  เอกสารทางการเงินประเภทต่างๆ (เช่น ใบหุ้น วาแรนท์ เอกสารการลงทุนในระบบสถาบันการเงิน)  รถยนต์  เครื่องจักรของโรงงาน เงินเดือนของคู่กรณี ทีวี ตู้เย็น เป็นต้น หรือ สิ่งของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน   ทุกอย่างสามารถทำเรื่องระงับการดำเนินการได้ทั้งหมด เพื่อป้องกันการถ่ายโอน (แอบขาย หรือ โอนให้ผู้อื่น)
5. หลังจากได้รับคำตัดสินจากศาลแล้ว ให้ขอรับเอกสารบังคับคดี (집행문) แล้วไปกรอกเอกสารทำเรื่องขอรับเงิน
( จากทรัพย์สินต่างๆ ของลูกหนี้ที่ถูกอายัดไว้) ที่สำนักงานบังคับคดี (집행관사무소)ทรัพย์สินต่างๆ ที่ถูกอายัดไว้ จะถูกนำมาประมูลขาย เพื่อนำเงินสดมาใช้คืนเจ้าหนี้ที่ยื่นเรื่องไว้
6.แต่อย่างไรก็ตามทางศาลก็จะบังคับให้จ่ายคืนในจำนวนเงินที่เป็นหนี้สินและดอกเบี้ยเท่านั้นเงินส่วนที่เหลือ
ก็จะคืนให้กับลูกหนี้ต่อไป
ข้อควรรู้อื่นๆ
ถ้าหากว่าเจ้าหนี้ได้ยื่นเรื่องต่อศาลแล้ว ลูกหนี้ไม่สามารถชำระเงินคืนได้ คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกลายเป็นหนี้สูญ ถ้าหากว่าเกิดกรณีดังกล่าว ก็จะมีมาตราการสำรองดังต่อไปนี้  
1.เงินกู้ทั่วไปนั้น จะได้รับเงินคืน หรืออายุความของการฟ้องร้องสำหรับคดีแพ่งนี้ จะมีอายุความ 10 ปี นับตั้งแต่ วันยืมเงิน  แต่ถ้าหากเป็นสัญญากู้ยืมเงินทางธุรกิจ จะมีอายุความ 5 ปี และถึงแม้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินเดือน หรือรายได้ จะมีอายุความเพียงแค่ 3 ปี แต่หลังจากคำตัดสินจากศาล บางกรณีอาจใช้เวลานานถึง 10 ปี ก็จะได้รับ เงินคืน     นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นสัญญายืมเงินทั่วไป(ส่วนบุคคล) ถึงแม้ว่าจะไม่มีการระบุดอกเบี้ยไว้ ในสัญญาก็ตาม หลังจากคำตัดสินของศาลออกมาแล้ว โดยปกติจะต้องจ่ายอกเบี้ย 5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี หรือบางกรณีอาจสูงถึง 20 เปอร์เซ็นต์ต่อปีก็มี
2. ในกรณีที่ลูกหนี้ ได้ปกปิดทรัพย์สินโดยตั้งใจ  ก็จะได้รับการลงโทษตามกฏหมายเพิ่มซึ่งการฟ้องร้อง ทางคดีแพ่งนี้ สามารถได้รับทรัพย์สินคืนได้ 
3.ตามกฏหมายควบคุมอัตรดอกเบี้ยเงินกู้(สำหรับบุคคลทั่วไปและเงินกู้นอกระบบ)นั้น อัตราดอกเบี้ยสูงสุดต่อปี ไม่เกิน 30% ต่อปี ส่วนอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินในระบบนั้น (จดทะเบียนเป็นสถาบันการเงิน อย่างถูกฏหมาย)    จะไม่เกิน 49% ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่กล่าวมานี้ เป็นอัตราดอกเบี้ยที่บังคับใช้ ตามกฏหมาย และจะได้รับคืนสูงสุดตามที่กฏหมายกำหนดเท่านั้น ถ้าเกินกว่านี้ จะไม่สามารถรับคืนได้ และถ้าหากพบว่าสถาบันการเงินใด เรียกรับดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยว ข้องทราบโดยทันที  
view list 

Jump to:  


KMcenter 137-1 Garibong 1 Dong, Guro-Gu, Seoul.
Copyright by 2004 MigrantWorkers Center in Korea. All right, reserved. Representative : Son Jong Ha
Supported by ONTOIN